ดวงอาทิตย์กำเนิดแสงให้แลเห็นทุกสรรพสิ่งตามที่ทอดสายตามองลงบนดินแดนแห่งความผาสุก แสงร่ำไรเป็นประกายเล็ดลอดมาจากวิมานทิพย์ตั้งอยู่บนภูผาสูงเทียมเมฆ โคมไฟส่องสว่างตามแนวผา บรรยากาศอันเงียบสงบราวกับตกอยู่ในภวังค์ที่ไร้ซึ่งอาการทุกข์ทางกาย และปราศจากความกังวลทางใจ เจดีย์แห่งความศรัทธาส่องแสงปัญญาอันเฉียบแหลม ทุกสิ่งอันล้วนอยู่ในอากัปกิริยาสงบนิ่ง ไม่มีแม้มนุษย์หรือสัตว์เล็กใหญ่ใดๆอาศัยอยู่ มีเพียงต้นไม้ผลิดอกออกผลให้ร่มเงาในจิตใจ สายน้ำดำเนินการเคลื่อนไหลอย่างช้าๆเสมือนเกือบจะหยุดนิ่ง สายลมอันบริสุทธิ์เบาบางพัดผ่าน มีอยู่เพียงรู้สึกได้แต่มิกระทำให้เจ้าใบไม้ไหวเอนนัก พัดพากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยฟุ้งอบอวนไปทั่วดินแดนแห่งนี้ ที่ที่ไม่มีอยู่ในความเป็นจริง พรั่งพรูออกมาจากจินตนาการความนึกคิดรวมเข้ากับความเพ้อฝัน มุ่งใฝ่หาสถานที่อันแสนสงบสุขและสวยงาม ธีระวัฒน์ คะนะมะ ศิลปินผู้เนรมิตดินแดนอันไกลโพ้น หากแม้จิตปล่อยวางล่องลอยเที่ยวในแดนฝัน ล้วนมีแต่ความสงบที่ทุกผู้คนเสาะแสวงหา สุขที่แท้จริงจะตราตรึงในใจคุณ
ความสงบสุขจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกชนชั้นและทุกหนทุกแห่งปรารถนาครอบครอง สุขของแต่ละคนก็ล้วนแตกต่างกัน สำหรับผู้คนในเมืองหลวง ลืมตาตื่นเช้ามาก็พบปะความวุ่นวายเสียแล้ว ภูเขาเพียงลูกมองให้ผ่อนคลายสายตาก็หาไม่มี หมอกจางๆก็แปรเปลี่ยนเป็นควันจากท่อไอเสีย แม้รวยล้นฟ้าก็มิอาจซื้อความสุขทางใจได้ ต่างจากวิถีชีวิตเรียบง่ายในชนบท มีธรรมมะช่วยกล่อมเกลาให้ดำรงตั้งอยู่บนสติทุกขณะ สำหรับความสุขของธีระวัฒน์ เพียงกลิ่นดอกไม้ในบริเวณบ้านที่ปลูกไว้ ส่งกลิ่นหอมเข้ามาแตะปลายจมูก ก็ก่อเกิดสุขขึ้นในใจเขาแล้ว ดินแดนแห่งนี้จึงไม่กล่าวหรือเท้าความหาความทุกข์ เพราะเป็นสิ่งที่ใครต่างก็ไม่อยากประสบพบเจอ ด้วยเหตุนี้เองจึงใช้สีเป็นตัวแทนความสุขสงบร่ายแปรงทั่วผืนผ้าใบ หยิบรูปทรงธรรมชาติบรรเทาทุกข์ที่แบกไว้ ให้กลายเป็นสุข และเมื่อความสุขในใจบันดาลขึ้น ความสงบทางใจก็คล้อยตามมาโดยมิทันตั้งตัวท้ายที่สุดมนุษย์ก็โหยหาความสุขอันเป็นนิรันดร์ ปล่อยภาระที่แบกหามลงสักเพียงน้อยนิด ละทิ้งความปรารถนาในทรัพย์สินเงินทอง พาใจหยุดนิ่งเข้าสู่หนทางแห่งความสงบสุขและย่างก้าวเข้าไปเยือนดินแดนแห่งความผาสุกจะพบเจอซึ่งความสุขที่แท้จริง
บทความโดย วนีย์วรรณ กิตติบดีสกุล
*********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น